1.Blog เว็บไซต์ส่วนตัวที่ใช้สำหรับเขียนบทความ
หรือแชร์ลิงค์ต่างๆ
คำว่า
Blog
เป็นชื่อย่อที่มาจากคำว่า
“Weblog”
ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในปี
1997
โดยนาย
Jorn
Barger ที่ใช้เรียกเว็บไซต์
Robot
Wisdom ที่เป็นแหล่งรวมข้อมูล
และลิงค์ต่างๆ ของเขา
ซึ่งเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปคำๆ
นี้ก็เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
2.Cookies ข้อมูลย่อยขนาดเล็กที่ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
หรืออุปกรณ์ต่างๆ เวลาท่องเว็บไซต์
Cookies
มีต้นกำเนิดมาจากคำว่า
“Magic
Cookies” ซึ่งคิดค้นโดย
Lou
Montulli โดยเขาได้บอกว่า
“ผมได้ยินคำว่า Magic
Cookies ระหว่างการเรียนวิชาระบบปฏิบัติการในมหาวิทยาลัย
และผมก็ชอบคำนี้เอามากๆ”แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า
Magic
Cookies มาจากไหน
แต่มีอยู่หนึ่งทฤษฎีบอกว่ามาจากวีดีโอเกม
ที่ผู้เล่นจะต้องเก็บ Magic
Cookies ไปเรื่อยๆ
เพื่อผ่านด่าน
3.Spam อีเมลที่ไม่พึงประสงค์
หรือเมลขยะนั่นเอง
ต้องขอบคุณนาย
Monty
Python ที่พูดในรายการตลกของเขา
ซึ่งมีการพูดถึงเมนูอาหารที่ทุกจานจะต้องมีส่วนผสมของสแปมในทุกจาน
รวมไปถึงในรายการเขาก็พูดคำว่าสแปมซ้ำๆ
จนกลายเป็นเรื่องตลก และน่ารำคาญ
จนเป็นที่มาของคำว่าสแปม
ซึ่งหมายถึงของที่ไม่พึงประสงค์นั่นเอง
4.Meme ความคิด
หรือการกระทำที่แพร่หลาย
และถูกกระทำต่อๆ กันในโลกอินเตอร์เน็ต
มาจากหนังสือเรื่อง
The
Selfish Gene ในปี
1976
เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์นามว่า
Richard
Dawkins โดยเขาต้องการใช้คำที่สามารถอธิบายได้ถึง
“การเลียนแบบทางวัฒนธรรม”
จึงไปเจอคำว่า “mimeme”
ซึ่งเป็นภาษากรีกแปลว่า
“ของลอกเลียนแบบ”
และได้เปลี่ยนให้เป็นคำสั้นๆ
ว่า “meme”
แถมคำนี้ยังไปพ้องเสียงกับคำว่า
même
ที่แปลว่า
“เหมือน” ในภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย
5.Hacker อาชญากรบนโลกอินเตอร์เน็ต
ที่มักเจาะข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
จริงๆ
แล้วคำว่าแฮ็กเกอร์ก็อาจไม่ได้หมายความถึงสิ่งที่มีความหมายในทางลบเสมอไป
เพราะเมื่อก่อนคำว่าแฮ็กเกอร์หมายถึง
คนที่เชี่ยวชาญในเรื่องอิเล็กทรอนิกส์มากๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ในหนังสือชื่อว่า
Piracy
Cultures ความหมายของคำว่าแฮ็กเกอร์นั้นหมายถึง
“บุคคลผู้ซึ่งทำงานในการเขียนข้อมูล
และทดสอบซอฟต์แวร์”
และสำหรับแฮ็กเกอร์ที่เจาะข้อมูลเพื่อกระทำเรื่องที่ไม่ดี
เราจะใช้คำว่า “Crackers”
(แคร็กเกอร์)
แทน
6.Firewall
โปรแกรมที่ใช้ป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์จากแฮ็กเกอร์ที่ไม่ดี
หรือไวรัสต่างๆ
คำๆ
นี้ถูกใช้มาหลายร้อยปีแล้ว
ซึ่งหมายถึงกำแพงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องอาคารจากไฟที่กำลังลุกลามเข้ามา
ในความหมายทางด้านคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน
จะหมายถึงเทคโนโลยีที่ป้องกันไวรัสอันตรายต่างๆ
ที่จะลุกลามมาหาเครื่องคอมของเรานั่นเอง
7.HTML
(Hyper
Text
Markup Language)
ภาษาที่เขียนและกำหนดรูปแบบของเวบเพจ
หรือเอกสารต่างๆบนเวิล์ดไวด์เวบ
8.Remote
Procedure Call
เป็นโปรโตคอลที่โปรแกรมหนึ่งสามารถใช้คำขอบริการจากโปรแกรมที่ตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องในเครือโดยไม่ต้องเข้าใจรายละเอียดเครือข่าย
9.EDGE
(Enhanced Data GSM Environment)
เป็นเวอร์ชันเร็วกว่าของการให้บริการไร้สาย
Global
System for Mobile (GSM) ที่ออกแบบเพื่อการส่งมอบอัตราข้อมูลได้ถึง
384
Kbps และความสามารถส่งมอบมัลติมีเดียและการประยุกต์
broadband
อื่นให้กับโทรศัพท์มือถือและผู้ใช้คอมพิวเตอร์
มาตรฐาน EDGE
ได้รับการสร้างขึ้นบนมาตรฐาน
GSM
ที่มีอยู่
ด้วยการใช้โครงสร้างเฟรม
time-division
multiple access (TDMA) เดียวกันและการจัดสรรเซลที่มีอยู่
Ericsson
หมายเหตุว่าสถานีฐานสามารถปรับปรุงด้วยซอฟแวร์
10.Emacs
คือ
text
editor ยอดนิยมที่ใช้ส่วนใหญ่บนระบบ
Unix
โดยผู้เขียนโปรแกรม
นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร
นักศึกษา และผู้บริหารระบบ
เหมือนกับ text
editor ของ
Unix
อื่นๆ
Emacs
ให้คำสั่งต้นแบบและแป้นพิมพ์ผสมพิเศษที่ให้ผู้ใช้เพิ่ม
ลบ แทรก และการควบคุมคำ
ตัวอักษร บรรทัด และหน่วยอื่นของข้อความ
Emacs
ได้รับการใช้โดยทั่วไปเพื่อเข้าถึงประโยคคำสั่งต้นแหล่งอื่นของโปรแกรม
ตัวของ Emacs
ได้รับการสร้างให้ใช้ภาษาโปรแกรม
LISP
และผู้ใช้ได้รับการเชิญเพื่อขยายหรือส่วนบุคคลด้วยการใช้ภาษาเดียวกัน
รวมทั้ง Emacs
เสนอขีดความสามารถด้านความสะดวกจำนวนหนึ่ง
เช่น ความสามารถในการเริ่มคอมไพเลอร์และควบคุมอีเมล์ภายใน
editor
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น